บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 8
วันพุธ ที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2561
เวลา 12.30 - 15.30 น.
เนื้อหาการเรียนรู้
- อาจารย์ให้นักศึกษานำเสนองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร
กลุ่มที่ 1 งานวิจัย เรื่องรูปแบบการพัฒนาระบบการบริหารคุณภาพโรงเรียนมัธยมศึกษา
สู่ความเป็นเลิศระดับสากล
ผู้วิจัย : อุดม ชูลีวรรณ ปีการศึกษา
2559
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาการวิจัย
ประเด็นที่ 1. ระบบการศึกษาในฐานะที่เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนของชาติให้มีคุณภาพตามที่สังคมปรารถนาโดยจะต้อง
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม คุณลักษณะของบุคคลให้อดคล้องกับ ทิศทางการพัฒนาประเทศ
เพื่อเป็น พลังในการขับ
เคลื่อนพัฒนาประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมกับอารยประเทศได้
ประเด็นที่ 2. การศึกษาทุกระบบมุ่งเน้นที่จะให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ
ประเด็นที่
3. เพื่อจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ
ประเทศไทยได้มีการปฏิรูปการศึกษามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ศ.2542
ทั้งปรับโครงสร้างการบริหาร การพัฒนายกระดับคุณภาพครู หลักสูตร การเรียนการสอน
ประเด็นที่ 4. การกำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์
ของคณะกรรมการนโยบายปฏิรูปการศึกษา
ประเด็นที่
5. การส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อพัฒนาสู่คุณภาพระดับสากล โดยเริ่มต้นจากโครงการ
โรงเรียนมาตรฐานสากล
ประเด็นที่ 6.
การบริหารจัดการโรงเรียนด้วยระบบคุณภาพที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบที่จะพัฒนาองค์กรให้
มีผลดำเนินการที่เป็นเลิศ
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.เพื่อศึกษาองค์ประกอบของการบริหารคุณภาพโรงเรียนมัธยมสู่ความเป็นเลิศระดับสากล
2.เพื่อนำเสนอรูปแบบการพัฒนาระบบการบริหารคุณภาพโรงเรียนมัธยมสู่ความเป็นเลิศระดับสากล
สรุปผลการวิจัย
สรุปองค์ประกอบของระบบการบริหารจัดการคุณภาพโรงเรียนมัธยมศึกษาสู่
มาตรฐานสากลได้ 7
องค์
ประกอบหลักดังนี้
1)การนำองค์การ
ผู้บริหารโรงเรียนจะให้ความสำคัญกับวิสัยทัศน์ของ โรงเรียน โดยยึดหลักการมี
ส่วน ร่วมของทุกฝ่าย
มีการสื่อสารสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ ค่านิยม มีการกำหนดเป้า
หมายความสำเร็จ และสมรรถนะขององค์กร
2) การวางแผนกลยุทธ์ ผู้บริหารโรงเรียนดำเนินการให้มีการวิเคราะห์
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของภาค
เรียน
หรือปีการศึกษาที่ผ่านมาวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย โอกาสและอุปสรรคว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ของนักเรียนต่ำลงหรือสูงขึ้น มีการจัดทำแผนกลยุทธ์ ระยะ 4 ปี
และแผนปฏิบัติการประจำปี
3)
การมุ่งเน้นผู้เรียนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ผู้บริหารโรงเรียนสื่อสาร สร้างความเข้าใจกับนักเรียนเกี่ยว
กับ วิสัยทัศน์
ค่านิยมในการบริหารโรงเรียนสู่มาตรฐานสากล
มีการสำรวจความต้องการของนักเรียน ผู้
ปกครองและศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบันในการกำหนด หลักสูตรต่าง ๆ
4)การวัด
การวิเคราะห์และการจัดการความรู้ มีการวัดผลการดำเนินการ
โดยโดยบุคลากรทุกคนทุกงาน
รายงานผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการ มีการกำหนดผู้รับผิดชอบงาน
หัวหน้างาน
มีการวิเคราะห์ตัวชี้วัดมาตรฐานการปฏิบัติงาน มีการนิเทศตามโดยหัวหน้างาน
5)
การมุ่งเน้นบุคลากร
มีการสร้างคุณค่าของผู้ปฏิบัติงานโดยผู้บริหารหัวหน้างานสร้างความเข้าใจให้ทุก
คนทราบวัตถุประสงค์ของงานที่ปฏิบัติจัดให้มีการศึกษาดูงานจากโรงเรียนที่มีผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ
เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนางาน
เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยให้ครูเก่าๆมาเป็นพี่เลี้ยง
มีการพัฒนาครู
บรรจุใหม่โดยจัดปฐมนิเทศ มีการถ่ายทอด แนะนำ เพื่อสร้างผู้รับช่วงต่ออย่างต่อเนื่อง
มีการสร้างขวัญ
กำลังใจในการทำงาน
6)
การมุ่งเน้นการปฏิบัติ
โรงเรียนมีการออกแบบระบบงานเป็นกลุ่มงาน
มีโครงสร้างการบริหารที่ชัดเจน
มีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้บริหารสูงสุด
แบ่งโครงสร้างการบริหารออกเป็น 4 กลุ่มบริหาร ได้แก่ กลุ่ม
บริหารงานวิชาการ
กลุ่มบริหารงบประมาณ
กลุ่มบริหารบุคคล
และกลุ่มบริหารงานทั่วไป
7)ผลลัพธ์ด้านผู้เรียน คุณลักษณะเกี่ยวกับคุณภาพผู้เรียนสู่ความเป็นเลิศ
ระดับสากลในศตวรรษที่ 21
ดังนี้ 1.ความรู้พื้นฐาน 2.สมรรถนะเป็นเลิศ 3. คุณลักษณะ 4.
บุคลิกภาพของ
กลุ่มที่ 2 งานวิจัย เรื่องการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารตามทัศนะของครูในโรงเรียนเครือ
ข่ายที่ 49 สำนักงานเขตคลองสามวา สังกัดกรุงเทพมหานคร
ผู้วิจัย : นางสาวจิรัญญา ขัดธิพงษ์ ปีการศึกษา 2558
กลุ่มที่ 3 งานวิจัย เรื่องรูปแบบการบริหารโรงเรียนสาธิตปฐมวัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏบัณฑิตวิทยา
มหาวิทยาลัยศิลปากร
ผู้วิจัย : นางนาริสานันท์ เดชสุระ ปีการศึกษา 2552
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาการวิจัย
ประเด็นที่ 1 การจัดการศึกษาภาคบังคับเป็นการจัดการศึกษาที่เริ่มตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่
1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่ไม่ได้คลอบคลุมการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย
เป็นเพียงการศึกษาขั้นพื้นฐานแต่นักการศึกษาและนักจิตวิทยามีความคิดเห็นที่สอดคล้องกันว่าเด็กวัยแรกเกิดจนถึง
6 ปีเป็นวัยที่สำคัญต่อการวางรากฐานบุคลิกภาพและการพัฒนาศักยภาพทางสมอง
การจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัยจึงมีความสำคัญต่อการส่งเสริมพัฒนาเด็กในทุกๆด้าน
ทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ -จิตใจ สังคมและสติปัญญา
เป็นการส่งเสริมความพร้อมในการที่จะเรียนรู้ในระดับต่อไป ซึ่ง
สถานศึกษาแต่ละแห่งมีรูปแบบการบริหารและการดำเนินงานที่มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันแต่มีจุดร่วมเดียวกันเพื่อพัฒนาศักยภาพเด็กให้มีคุณภาพเพื่อส่งผลต่อการพัฒนาสังคมและประเทศด้วย
ประเด็นที่ 2
การจัดการศึกษาในระดับปฐมวัยนับว่ามีความสำคัญเป็นอันดับแรก
เนื่องจากเป็นการวางรากฐานคุณภาพชีวิต
การศึกษาให้แก่เยาวชนซึ่งโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยราชภัฏมีบทบาทในการดำเนินงานด้านการศึกษาปฐมวัย
การดำเนินงานและการบริหารโรงเรียนสาธิตปฐมวัยจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
กล่าวคือต้องมีการบริหารงานที่มีรูปแบบหรือลักษณะชัดเจนถูกต้องเหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนสาธิตปฐมวัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏ
ประเด็นที่ 3
สาธิตปฐมวัยเป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาในระดับปฐมวัยคือการจัดการศึกษาสำหรับเด็กนักเรียนที่มีอายุระหว่าง
2 ปีครึ่ง - 5 ปี 11 เดือน
โดยมีปรัชญาในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยเต็มศักยภาพสอดคล้องกับพัฒนาการทางด้านร่างกาย
ด้านอารมณ์จิตใจ สังคมและสติปัญญา และเป็นไปโดยธรรมชาติภายใต้สิ่งแวดล้อมที่เป็นอิสระ
ภารกิจของการดำเนินงานโรงเรียนสาธิตปฐมวัย
1. พัฒนาเด็กปฐมวัยให้เต็มตามศักยภาพ
ให้เป็นไปโดยธรรมชาติ
2.
เป็นแหล่งฝึกประสบการณ์วิชาชีพให้แก่นักศึกษาโปรแกรมวิชาการศึกษาปฐมวัย
3.
เป็นแหล่งการบริหารวิชาการ
ค้นคว้าวิจัยและพัฒนาข้อมูลวิชาการทางด้านการศึกษาปฐมวัย
โรงเรียนสาธิตมีภารกิจที่รับผิดชอบเช่นเดียวกันกับโรงเรียนอื่นๆ ได้แก่ งานวิชาการ
งานบุคลากร งานกิจการนักเรียน
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
จากสภาพความเป็นมาและปัญหาของการวิจัยดังที่ได้กล่าวข้างต้นผู้วิจัยกำหนดจุดประสงค์ของการวิจัยและกัน
1.
เพื่อทราบองค์ประกอบการบริหารโรงเรียนสาธิตปฐมวัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏ
2. เพื่อนำเสนอรูปแบบการบริหารโรงเรียนสาธิตปฐมวัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏ
สรุป
การบริหารการศึกษาคือการดำเนินการของกลุ่มบุคคลเพื่อพัฒนาสมาชิกของสังคมให้มีความเจริญงอกงามในด้านต่างๆเพื่อให้สมาชิกที่ดีของสังคมหรือกิจกรรมต่างๆที่บุคคลหลายคนร่วมกันดำเนินการเป้าหมายของสังคมที่ตนดำเนินชีวิตอยู่ซึ่งองค์ประกอบกระบวนการบริหารการศึกษามีดังนี้1.)การวางแผน
2.)การจัดองค์การ 3.)การจัดคนเข้าทำงาน
4.)การประสานงาน 5.)การควบคุม
และแนวความคิด
ที่ควรมีโรงเรียนสาธิตสำหรับเป็นที่ฝึกหัดสอนนักเรียนฝึกหัดครูซึ่งเกิดขึ้นมา
300 ปีมาแล้ว ดุ๊ก ออฟ เออเนสต์
แห่งโกรธาได้แสดงความคิดเห็นว่านักเรียนฝึกหัดครูควรได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติการสอนจริงในเรื่องที่ตนจะต้องทำการสอนในภาคหน้าโรงเรียนสาธิตเพื่อจุดมุ่งหมายคือสำหรับเป็นที่ฝึกสอนฝึกงานสังเกตและศึกษาของนิสิตนักศึกษาวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยผู้ที่กำลังศึกษาในวิชาการศึกษาสำหรับเป็นที่วิจัยในในเรื่องสำคัญต่างๆของนักศึกษาเช่นวิธีการสอบสอนต่างๆที่การดำเนินงานโรงเรียนที่ถูกต้องเป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติงาน
สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย
การบริหารและหลักการบริหารการจัดการมีความสำคัญในการวางระบบการบริหารโรงเรียน
โดยใช้โรงเรียนเป็นฐานเป็นรูปแบบ
และแนวคิดในการบริหารที่จะต้องกระจายอำนาจการบริหารทำให้สถานศึกษามีอำนาจและความรับผิดชอบในการบริหารมีความคล่องตัวและมีอิสระมากขึ้นในการตัดสินใจ
การสร้างประสิทธิภาพของโรงเรียนควรเน้นการบริหารการจัดการโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานอย่างชัดเจน
และเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้
กลุ่มที่ 4 งานวิจัย เรื่องการบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียน
ในอำเภอคลองหลวง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1
ผู้วิจัย : ยุกตนันท์ หวานฉ่ำ ปีการศึกษา 2555
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาการวิจัย
ในสภาพของสังคมในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สังคมประเทศไทยเป็นยุค
ที่มีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ
ที่ทันสมัยเข้ามามีบทบาทพร้อมกับวัฒนธรรม ของชาติตะวันตกซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรม
ซึ่งการศึกษาถือได้ว่าเป็นรากฐานสำคัญที่สุดในการสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้า
และ เป็นการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาในทุกๆด้าน การบริหารสถานศึกษา
เป็นภารกิจหลักของผู้บริหารที่จะต้องกำหนดแบบแผนวิธีการและ ขั้นตอนต่างๆ
ในการปฏิบัติงานไว้อย่างเป็นระบบ เพราะถ้าระบบการบริหารงานไม่ดีจะ
กระทบกระเทือนต่อส่วนอื่นๆ ของหน่วยงาน
นักบริหารที่ดีต้องรู้จักเลือกวิธีการบริหารที่เหมาะสม
และมีประสิทธิภาพ
เพื่อที่จะให้งานนั้นบรรลุจุดหมายที่วางไว้ การบริหารงานนั้น จะต้องใช้ศาสตร์ และศิลป์ทุกประการ เพราะว่าการดำเนินงานต่างๆ
มิใช่เพียงกิจกรรมที่ผู้บริหารจะกระทำเพียงลำพัง คนเดียว แต่ยังมีผู้ร่วมงานอีกหลายคนที่มีส่วนทำให้งานนั้นประสบความสำเร็จ
วัตถุประสงค์การวิจัย
1.
เพื่อศึกษาระดับการบริหารสถานศึกษาของโรงเรียน ในอำเภอคลองหลวง สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1
2.
เพื่อศึกษาระดับประสิทธิผลของโรงเรียน ในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1
3.
เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของ โรงเรียน ในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1
สรุปผลการวิจัย
1) ผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ51 ปีขึ้นไป
มีวุฒิการศึกษาปริญญาตรี ตำแหน่งหน้าที่เป็นครู คศ. 2
และมีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 15 ปี
2) การบริหารสถานศึกษา ในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม
ศึกษาปทุมธานี เขต 1 โดยภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก
ด้านที่มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด คือ ด้านการบริหารวิชาการ
และด้านที่มีการปฏิบัติอยู่ในระดับน้อยที่สุด ได้แก่ ด้านการบริหาร งบประมาณ
3) ระดับประสิทธิผลของโรงเรียน
ในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1
โดยภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีการปฏิบัติในระดับมากที่สุด ได้แก่
ความสามารถในการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และด้านที่มีระดับการ ปฏิบัติน้อยที่สุด
คือ ความใฝ่รู้ รักการอ่าน แสวงหาความรู้ด้วยตนเองของนักเรียน
4) ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอ คลองหลวง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 พบว่าโดยภาพรวม มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01 มีความสัมพันธ์กันในระดับสูง โดยคู่ที่มี ความสัมพันธ์กันสูงสุด ได้แก่ ด้านการบริหารงานบุคคลกับความพึงพอใจในการทำ
งานของครู และ ด้านความสามารถในการใช้สื่อ นวตักรรมและเทคโนโลยีของครู และคู่ที่มีความสัมพันธ์กันต่ำสุด
ได้แก่ ด้านการบริหารงบประมาณกับด้านความใฝ่รู้ รักการอ่าน
แสวงหาความรู้ด้วยตนเองของ นักเรียน
กลุ่มที่ 5 งานวิจัย เรื่องทักษะการบริหารในศตวรรษที่ 21
ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1
ผู้วิจัย : ศศิตา เพลินจิต ปีการศึกษา 2558
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาการวิจัย
ประเด็นที่ 1 : ปัญหาสำหรับผู้บริหารที่ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับยุค
ของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ประเด็นที่ 2 : ผู้บริหารขาดทักษะที่จาเป็นสาหรับการบริหารในองค์กรและ
หน่วยงานที่เข้ามาเกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้บริหารสถานศึกษา
ประเด็นที่ 3 : ผู้บริหารสถานศึกษาจึงเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่
จะต้องมีทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่21เพื่อหน่วยงานให้มีมาตรฐานสูงขึ้น
ประเด็นที่ 4 : การพัฒนาทักษะของผู้บริหารในศตวรรษที่
21 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาทักษะของผู้บริหาร
ประเด็นที่ 5 : ทักษะการบริหารในศตวรรษที่
21 ของผู้บริหารสถานศึกษา
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
- เพื่อศึกษาทักษะการบริหารในศตวรรษที่ 21
ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัด สำนักงานเขต
พื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1
- เพื่อเปรียบเทียบทักษะการบริหารในศตวรรษที่21
ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 จำแนกตามขนาดของสถานศึกษา
สรุปผลการวิจัย
1.ทักษะการบริหารในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การ
ศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1
ในภาพรวมมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน
พบว่า
มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทุกด้านเรียงลำดับตามค่าเฉลี่ย คือ
• ด้านภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ
• ด้านทักษะด้านสังคมและทักษะข้ามวัฒนธรรม
• ด้านความยืดหยุ่นและการปรับตัว
• ด้านการเป็นผู้สร้างหรือผลิตและรับผิดชอบเชื่อถือได้
• ด้านการริเริ่มสร้างสรรค์และการเป็นตัวของตัวเอง
2.การเปรียบเทียบทักษะการบริหารในศตวรรษที่ 21
ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
สังกัด
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1
จำแนกตามขนาดของสถานศึกษาในภาพ
รวมและรายด้านไม่มีความแตกต่างกัน
กลุ่มที่ 6 (กลุ่มดิฉัน) งานวิจัย เรื่องการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารสถานศึกษาของผู้
บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจังหวัดขอนแก่น
ผู้วิจัย : นัยนา
เจริญผล ปีการศึกษา
2552
บทนำ
ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาการวิจัย
ประเด็นที่ 1 เป็นแนวทางสำคัญในการจัดระเบียบให้สังคมทั้งภาครัฐ
ภาคธุรกิจเอกชน และภาค
ประชาชน ซึ่งครอบคลุมไปถึงฝ่ายวิชาการ ฝ่ายปฏิบัติการ
ฝ่ายราชการ และฝ่ายธุรกิจ
ประเด็นที่ 2 ก่อให้เกิดการพัฒนาที่ยังยืนและเป็นส่วนเสริมความเข้มแข็งหรือสร้างภูมิคุ้มกัน
ประเด็นที่ 3 การพัฒนาคนไทยให้มีคุณภาพต้องอาศัยการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีคุณภาพได้รับการ
สนับสนุนส่งเสริมด้วยระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.
เพื่อศึกษา การใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัด
สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา จังหวัดขอนแก่น
2.
เพื่อเปรียบเทียบการใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ
อาชีวศึกษา
จังหวัดขอนแก่น จำแนกตาม ประเภทการจัดการศึกษา และขนาดของสถานศึกษา
สรุปผลการวิจัย
ผลการเปรียบเทียบการใช้หลักธรรมาภิบาล
ในการบริหารสถานศึกษาของผู้บริหารสถานศึกษา
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาจังหวัดขอนแก่น
ตามประเภทของสถานศึกษาระหว่างกลุ่ม
วิทยาลัยเทคนิค,อาชีวศึกษากับกลุ่มวิทยาลัยการอาชีพ,สารพัดช่าง,เกษตรฯ
โดยรวม พบว่า โดยรวม
แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ ระดับ .05
เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านหลักความคุ้มค่า หลักการมี
ส่วนร่วม หลักคุณธรรม
มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 หลักนิติธรรม
หลัก
ความโปร่งใส หลักความรับผิดชอบ ไม่มีความแตกต่างกัน
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
ประเมินตนเอง
- ตั้งใจฟังอาจารย์
- ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมเป็นอย่างดี
ประเมินเพื่อน
- เพื่อนๆทุกคนให้ความร่วมมือกับกิจกรรมเป็นอย่างดี
ประเมินอาจารย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น