บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 3
วันพุธ ที่ 31 มกราคม พ.ศ.2561
เวลา 12.30 - 15.30 น.
เนื้อหาการเรียนรู้
- เข้าสู่บทเรียนเรื่อง "บทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร"
ผู้นำ (Leader)
หมายถึง บุคคลที่มีศิลป
บุคลิกภาพ ความสามารถ เหนือบุคคลทั่วไป
สามารถชักจูงให้ผู้อื่นปฏิบัติตามที่ต้องการได้ ส่วนความเป็นผู้นำ (Leadership)
เป็นกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ผู้บริหารทุกคนควรเป็นผู้นำ และมีภาวะผู้นำ
แต่ผู้นำไม่สามารถเป็นผู้บริหารที่ดีได้ทุกคน เพราะผู้บริหารต้องมีทักษะ
มีความสามารถในหน้าที่ของผู้บริหารด้วย
ประเภทของผู้นำ
1.
ผู้นำตามอำนาจหน้าที่ เป็นผู้นำโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ (Authority)
และมีอำนาจบารมี (Power)
เป็นเครื่องมือ
มีลักษณะที่เป็นทางการ (Formal)
และไม่เป็นทางการ (Informal)
เกิดพลังร่วมของกลุ่มในการดำเนินงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
1.1 ผู้นำแบบใช้พระเดช (Legal Leadership) ผู้นำแบบนี้เป็นผู้นำที่ได้อำนาจในการปกครองบังคับบัญชาตามกฎหมายมีอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ราชการมาหรือเกิดขึ้นจากตัวผู้นั้น
1.2 ผู้นำแบบใช้พระคุณ (Charismatic
Leadership) ผู้นำที่ได้อำนาจเกิดขึ้นจากบุคลิกภาพอันเป็นคุณสมบัติส่วนตัวของผู้นั้น
มิใช่อำนาจที่เกิดขึ้นจากตำแหน่งหน้าที่
1.3
ผู้นำแบบพ่อพระ (Symbolic
Leadership) ผู้นำที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายมิได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการปกครองบังคับบัญชา
บุคคลเหล่านั้นปฏิบัติตามเพราะเกิดแรงศรัทธา
2.
ผู้นำตามการใช้อำนาจ
2.1 ผู้นำแบบเผด็จการ (Autocratic
Leadership)
หรือ อัตนิยม
คือใช้อำนาจต่าง ๆ ที่มีอยู่ในการสั่งการแบบเผด็จการโดยรวบอำนาจ
ไม่ให้โอกาสแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้มีส่วนร่วม
2.2 ผู้นำแบบเสรีนิยม
(Laisser-Faire
Leadership) หรือ
Free-rein
Leadership ผู้นำแบบนี้เกือบไม่มีลักษณะเป็นผู้นำเหลืออยู่เลย
คือ ปล่อยให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทำกิจการใด ๆ ก็ตามได้โดยเสรี
2.3 ผู้นำแบบประชาธิปไตย
(Democratic
Leadership) ผู้นำแบบนี้
เป็นผู้นำที่ประมวลเอาความคิดเห็น
ข้อเสนอแนะจากคณะบุคคลที่อยู่ใต้บังคับบัญชาที่มาประชุมร่วมกัน
3. ผู้นำตามบทบาทที่แสดงออก จำแนกเป็น
3
แบบ คือ
3.1 ผู้นำแบบบิดา-มารดา
(Parental
Leadership) ผู้นำแบบนี้ ปฏิบัติตนเหมือนพ่อ-แม่
คือทำตนเป็นพ่อแม่เห็น
ผู้อื่นเป็นเด็ก
3.2 ผู้นำแบบนักการเมือง (Manipulater
Leadership) ผู้นำแบบนี้พยายามสะสมและใช้อำนาจ
โดยอาศัยความรอบรู้และตำแหน่งหน้าที่การงานของคนอื่นมาแอบอ้างเพื่อให้ตนได้มีความสำคัญ
3.3 ผู้นำแบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert
Leadership) ผู้นำแบบนี้เกือบจะเรียกว่าไม่ได้เป็นผู้นำตามความหมายทางการบริหาร
เพราะมีหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำแก่ Staff ผู้นำแบบนี้มักเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้เฉพาะอย่าง
คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้
1. มีความเฉลียวฉลาด
2. มีการศึกษาอบรมดี
3.
มีความเชื่อมั่นใจตนเอง
4.
เป็นคนมีเหตุผลดี
5.
มีประสบการณ์ในการปกครองบังคับบัญชาเป็นอย่างดี
6. มีชื่อเสียงเกียรติคุณ
7.
สามารถเข้ากับคนทุกชั้นวรรณะได้เป็นอย่างดี
8. มีสุขภาพอนามัยดี
9.
มีความสามารถเหนือระดับความสามารถของบุคคลธรรมดา
10. มีความรู้เกี่ยวกับงานทั่ว ๆ
ไปขององค์กร หรือหน่วยงานที่ตนปฏิบัติอยู่โดยเฉพาะ
11.
มีความสามารถเผชิญปัญหาเฉพาะหน้า
ที่จะเกิดขึ้นในขณะปฏิบัติงานให้ได้ทันท่วงที
12. มีความสามารถคาดการณ์
บทบาทหน้าที่ของผู้นำ
1. ชี้แนะ ให้คำปรึกษา กำกับดูแล (Coaching)
2. เปลี่ยนทัศนคติลึก ๆ ในตัวคน
3.
ดึงศักยภาพที่มีอยู่ โดยไม่ต้องเอาความรู้ข้างนอกมามากนัก
4.
ทำให้สถานที่ทำงานเป็นที่รักของพนักงาน
5. Full fill Basic Need ให้คนในองค์การ เช่น ให้ตำแหน่ง
6.
ดึงคนให้หลุดพ้นจากความเห็นแก่ตัว ทัศนคติต้องเปลี่ยน
- นักศึกษาออกไปนำเสนอคำคมของตนเองหน้าชั้นเรียน พูดถึงการนำไปใช้ในฐานะที่ตนเองเป็นครูและเป็นผู้บริหาร
คนที่ 1 นางสาว วรัญญา ศรีดาวกฤษ์
คนที่ 2 นางสาว ประภาภรณ์ สายเนตร
คนที่ 3 นางสาว อันทิรา จำปาเกตุ
ประเมินตนเอง
- ตั้งใจฟังอาจารย์
- ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมเป็นอย่างดี
ประเมินเพื่อน
- เพื่อนๆทุกคนให้ความร่วมมือกับกิจกรรมเป็นอย่างดี
ประเมินอาจารย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น